Saturday, September 27, 2008

คำนี้แปลว่าอะไรเอ่ย --- How do you say .... in Thai?

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วน้องแคร์ฝากคำถามไว้ว่า คำว่า เกรงใจ ในภาษาอังกฤษควรจะใช้คำว่าอะไร พออ่านคำถามแล้วก็เกิดความคิดขึ้นมาว่ามีคำในภาษาอังกฤษง่ายๆ หลายคำที่เราเห็นและใช้กันบ่อยๆ แต่ไม่รู้ความหมายเป็นภาษาไทย วันนี้เลยอยากจะเขียนรวบรวมคำเหล่านี้ไว้ เผื่อน้องๆ จะได้เลือกนำไปใช้พูดในชีวิตประจำวันได้ตามความเหมาะสมค่ะ
  • awesome = ยอดเยี่ยม หรือแบบคนไทยเราก็คือยอดเยี่ยมกระเทียมดอง
    • That's awesome!
    • You're awesome!
  • cool = เจ๋งเป้ง
    • This is so cool! or Cool!
  • You rock! = สุดยอด, เริ่ดมาก, ยอดเยี่ยม
  • a green thumb = เป็นคนมือเย็น (หมายถึงคนที่ปลูกต้นไม้อะไรก็เจริญงอกงามไปหมด)
    • You have a green thumb.
  • Chill out! (= calm down) = ใจเย็นๆ ค่า
  • Be my guest = เชิญเลยค่ะ เชิญตามสบาย
    • Be my guest = Do as you wish; go ahead; go for it; help yourself
      • Example: Do you mind if I read your newspaper? Be my guest.
      • Example: If you want to give it a try, be my guest!
  • Make yourself at home = ตามสบายไม่ต้องเกรงใจ (ทำตัวตามสบายให้เหมือนกับอยู่บ้านตัวเอง)
  • What goes around, come around.(อันนี้ได้ยินบ่อยมากๆ) = ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว, ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
  • It's not a big deal = เรื่องขี้ปะติ๋ว, ไม่ใช่เรื่องใหญ่
    • It's not a big deal! = It's no big deal; don't worry; no problem
  • It's a matter of life and death = เรื่องใหญ่มาก, เรื่องสำคัญมากๆ, เรื่องคอขาดบาดตาย
  • two-faced = หน้าอย่างใจอย่าง, ใช้บรรยายอาการของคนที่ตีสองหน้าพูดหรือกระทำต่อหน้าเราอย่างหนึ่ง แต่ลับหลังกับคนอื่นกลายเป็นอีกอย่างหนึ่ง
    • two-faced = fake (adj.)
  • lose face = หมดความน่าเชื่อถือ, เสียหน้า
    • Jack refused to admit he made a mistake because he didn't want to lose face.
  • save face = รักษาหน้า, รักษาความน่าเชื่อถือ, รักษาศักดิ์ศรี
    • Rather than fire him outright, they let him save face by accepting his resignation.
เอาแค่เท่าที่นึกได้ก่อนแล้วกัน และถ้าใครมีคำถามสงสัย หรืออยากรู้คำอื่นๆ ก็ฝากคำถามไว้นะคะ อาจจะตอบช้าบ้าง แต่รับรองว่าตอบแน่นอนค่ะ


11 comments:

  1. ขอบคุณค่ะพี่จี แต่ก่อนก็พอรู้คำแปลมาบ้าง เดาเอาตามสถานการณ์ เพิ่งจะได้รู้ความหมายที่แท้จริงวันนี้เอง ขอถามเพิ่มค่ะ ช่วงนี้เอ๋ไปโรงพยาบาลบ่อย ได้ยินคำว่า "stroke" บ่อยมากๆ อย่างเช่นเมื่อคืนคนไข้มีอาการ stroke พอตอนเช้าก็มี stroke อีก คนที่บ้านก็อธิบายให้ฟังเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยเข้าใจค่ะ เปิด dic ดู ก็ให้ความหมายว่า "เป็นลม" แต่คนที่บ้านเขาว่าอาการนี้มันเกิดขึ้นในสมอง และเห็นเป็นได้ตั้งหลายหน ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ขอบคุณมากค่ะ

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ พี่จี เยี่ยมมาก ๆ อาทิตย์นี้หัวข้อก็ดีมาก ๆ ทุกคำที่ยกตัวอย่างมาได้ยินบ่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน บางคำก็รู้ความหมาย บางคำก็ไม่รู้ ที่นี้รู้แหละความหมายที่แท้จริง จะได้เลือกใช้ให้ถูกกับสถานการณ์

    ReplyDelete
  3. Aey ~~ I am off tomorrow. I will explain it in Thai. Please wait...na..ja.

    Care ~~ Let me know if you have more questions. I am going to post part 2 of this section with new words soon.

    ReplyDelete
  4. รออ่านภาคสองค่ะพี่จี

    แคร์ก็อยากรู้เกี่ยวกับคำอุทานของฝรั่ง เวลาเค้าดีใจ เสียใจ ตื่นเต้น โมโห อะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ

    แล้วก็เห็นด้วยกับคุณเอ๋ข้างบนค่ะ อยากรู้ศัพท์หรือประโยคเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของร่างกาย บางครั้งป่วยรู้ว่าเราเป็นไรแต่อธิบายให้คนอื่น ให้หมอฟังแล้วเค้าไม่เข้าใจ

    ReplyDelete
  5. เอ๋
    อาการเป็นลม หน้ามืดตาลาย เนื่องจากไม่ได้กินข้าวเข้า อย่างที่เห็นกันทั่วไป ในภาษาอังกฤษ เราเรียกกันว่า faint แต่สำหรับ stroke (สมัยก่อนในภาษาอังกฤษเรียกว่า cerebrovascular accident หรือ CVA แต่ปัจจุบันนิยมเรียกว่า stroke) นั้นเป็นโรคชนิดหนึ่งที่รุนแรงมากกว่ามาก ในภาษาไทยเราทางการแพทย์เรียกว่า โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน หรือถ้าภาษาชาวบ้านเราเรียกว่า อัมพฤกษ์ หรือ อัมพาต นั่นแหละค่ะ จริงๆ แล้วทั้งอัมพฤกษ์ และอัมพาตเป็นผลที่เกิดขึ้นหลังจากสมองเกิดภาวะผิดปกติ ถ้าอาการของโรคไม่รุนแรงผู้ป่วยยังสามารถขยับตัว แขนขาได้เราเรียกว่า อัมพฤกษ์ โรคนี้นอกจากจะมีผลกระทบต่อการทรงตัว การเดิน การขยับมือ แขน ขา หน้า การพูด แล้ว ยังมีผลต่อระบบการได้ยิน ระบบประสาท และการมองเห็นด้วย

    เอ๋ถ้าเป็นโรคนี้ครั้งเดียวก็แย่แล้ว เพราะทุกครั้งที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ระบบประสาทต่างๆในร่างกายก็ถูกกระทบ และถูกทำลาย ถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ โอกาสที่จะดำเนินชีวิตเหมือนคนปกติยิ่งน้อยลงจ้ะ

    ปัจจัยเสี่ยงหลักต่อการเป็นโรคนี้ คือ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และการสูบบุหรี่ ส่วนปัจจัยเสี่ยงรองได้แก่ ภาวะที่มีไขมันหรือคลอเลสเตอรอลสูงในหลอดเลือด การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณสูงมากเกินไป ภาวะขาดการออกกำลังกาย เครียด โรคอ้วน นอกจากนี้ก็ฮอร์โมน จากการกินยาคุม (ลองอ่านในผลกระทบข้างเคียงที่ฉลากดูนะเอ๋ มี stroke รวมอยู่ด้วย) อย่างไรก็ดี ฮอร์โมนอย่างเดียวไม่น่าจะส่งผลให้เกิดปัจจัยเสี่ยงมากนัก ถ้าทานฮอร์โมนในปริมาณสูงร่วมกับความดันสูง หรือ สูบบุหรี่ด้วย จะเสี่ยงมากกว่าค่ะ

    ReplyDelete
  6. ขอบคุณมากค่ะพี่จี กระจ่างมากๆ พ่อสามีมีอาการแบบที่ว่ามาค่ะ ปัจจัยเสี่ยงและผลกระทบกระทบก็เป็นไปตามที่พี่จีว่าไว้ นอนรักษาตัวอยู่พี่โรงพยาบาล 1 เดือนเต็ม เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อสิ้นเดือนที่แล้ว ก่อนมีทติ้งของเราไม่ก่ี่วันค่ะ

    รออ่านบทต่อไปอยู่นะคะคุณครู

    ReplyDelete
  7. หวัดดีค่ะ คุณจี
    กลับมาเยี่ยมบล๊อกค่า สบายดีนะคะ วันนี้มาเวอร์ชั่น
    ภาษาไทยดีกว่าค่ะ..วันนี้อยากถามเกี่ยวกับ Can could will would ค่ะ could กับ would เนื่ยใช้เฉพาะเหตุการณ์ในอดีตอย่างเดียวเท่านั้นรึป่าวค่ะ คำถามอาจจะอนุบาลนะคะ.แต่บางทีใช้สับสนค่ะ
    ขอบคุณค่ะ
    Have a nice day ja
    Jum

    ReplyDelete
  8. I got your questions. I am going to answer you this weekend. Sorry for the late reply...ja.

    Have a great day to you, too.

    ReplyDelete
  9. ว้าวดีจังคะ พอดีวันนี้เซิทร์มาเจอบล็อคของคุณจี ดีคะๆที่เก่งภาษาอังกฤษแล้วแบ่งปัญกันฉันเพื่อน พี่น้อง จะแวะเข้ามาบ่อยๆนะคะ
    ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ
    ป๋องคะ

    ReplyDelete
  10. Pong, Thanks for visiting my blog..ka. Glad you enjoyed reading it. Sorry, I have been so busy and haven't updated it for quite some time. Let me know if you have any questions. :)

    ReplyDelete
  11. ขอบคุณมากนะคะ ^^
    ช่วยได้เยอะเรยค่า

    ReplyDelete

Blog contents and pictures copyright (c)2008 - 2010 thai-in-america unless otherwise noted. ALL RIGHTS RESERVED.